30 Sep
30Sep

หลายท่านอาจจะเคยเห็น ADS โฆษณา การฟอกสีฟันด้วยน้ำยาจากแบรนด์ต่างๆ ที่ปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายแบรนด์ โดยหลายๆท่านอาจจะไม่เคยได้รับทราบข้อมูลมาก่อน โดยเฉพาะในรายที่มีความต้องการฟอกฟัน อาจะเกิดความสับสน หรือไม่แน่ใจในการเลือกน้ำยาแต่ละยี่ห้อ และหนึ่งในแบรนด์ที่ผลิตน้ำยาและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการฟอกฟันมาอย่างยาวนาน ซึ่งก็ได้แก่บริษัท Philips ที่ผลิตน้ำยาฟอกฟันที่ชื่อ ZOOM หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า "การฟอกฟัน ZOOM" แน่นอนครับว่าหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าน้ำยา ZOOM มีข้อดีข้อเสีย ที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร และในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปพบกับข้อมูลของน้ำยาชนิดนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ก่อนเข้ารับการรักษาต่อไป


ก่อนอื่นเรามารู้จักข้อมูลพื้นฐานของการฟอกฟันด้วยเทคนิค ZOOM ซึ่งคือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการฟอกสีฟันจากบริษัท Philips โดยใช้เทคโนโลยีแสงสีน้ำเงิน หรือ White Speed LED ที่สามารถปรับระดับความเข้นข้นของแสง (Light Intensity) ได้ 3 ระดับ ตามความเหมาะสม  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำยาฟอกฟันซึ่งผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าสามารถช่วยให้สีฟันขาวมากขึ้นจากสีเดิม 3-8 ระดับ ภายในระยะเวลา 45 นาที และเปลี่ยนน้ำยาฟอกฟันทุก 15 นาที

ซึ่งข้อดีของการฟอกฟันด้วยเทคนิค ZOOM ช่วยทำให้ฟันของท่านขาวมากขึ้นหลายระดับ ภายในการฟอกฟันแค่ครั้งเดียว และสามารถคงความขาวได้ยาวนาน ประมาณ 2-3 ปี ทำให้ไม่ต้องกลับมาฟอกฟันซ้ำบ่อยๆ หรือต้องซื้อน้ำยาฟอกฟันกลับไปใช้ที่บ้าน เทคนิคนี้จึงเหมาะมากสำหีชรับท่านที่ไม่มีเวลา แต่อยากที่จะฟอกฟันขาวอย่างเห็นผลในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากแบรนด์อื่น  แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแบรนด์อื่นๆเช่นกัน


ขั้นตอนในการเข้ารับการฟอกฟันด้วยเทคนิค ZOOM 

- ตรวจสุขภาพช่องปาก ตรวจฟันผุ สภาพเหงือก คราบหินปูนต่างๆ โดยเฉพาะฟันหน้า ตรวจเช็ควัสดุอุดเดิมว่าเป็นอย่างไร มีแผนจะแก้ไขวัสดุ หรือต้องการบูรณะวัสดุอื่นๆต่อไปหรือไม่ เนื่องจากมีผลต่อการวางแผนรักษา เช่นกรณีมีแผนที่จะอุดแก้วัสดุอุด ควรแนะนำฟอกสีฟันให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงแนะนำให้กลับมาแก้ไขวัสดุอุดเพื่อให้ได้สีวัสดุที่เหมือนฟันที่ผ่านการฟอกฟันมาแล้ว หรือกรณีที่ ท่านมีแพลนจะแต่งเหงือก แนะนำให้ตกแต่งเหงือกให้เรียบร้อยก่อน แบ้วจึงฟอกฟันขาวอีกครั้ง เป็นต้น ส่วนกรณีที่มีหินปูนเยอะ เหงือกอักเสบมาก แนะนำให้ขูดหินปูนทำความสะอาดฟันให้เรียบร้อยก่อน หรือการใช้ Airflow ทำความสะอาดพื้นผิวของฟัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำยาฟอกฟันได้ดีมากขึ้น

- จากนั้นคุณหมอจะใช้ Shade Guide เพื่อเปรียบเทียบสีฟันเดิม และสีฟันที่คาดการณ์หลังการฟอกสีฟัน ตามด้วยจะใส่เครื่องกั้นริมฝีปาก และทาน้ำยากั้นเหงือก เพื่อป้องกันน้ำยาฟอกสัมผัสเหงือก เนื่องจากน้ำยามีความเป็นกรด สามารถทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อในปากได้  โดยเทคนิคนี้ จะใช้การทาน้ำยากั้นเหงือกทั่วทั้งบริเวณ (No Pink Area) ดังนั้นทุกท่านมั่นใจได้เลยว่าน้ำยาจะไม่สัมผัสเหงือกและริมฝีปากอย่างแน่นอน

- จากนั้นคุณหมอจะทาน้ำยาฟอกฟันที่ตัวฟัน ที่ซี่ฟันกรามน้อยด้านขวาไปด้านซ้าย ทั้งบนและล่าง และใช้เครื่อง White Speed LED ร่วมด้วยตลอดการฟอกฟัน โดยจะมีการเปลี่ยนน้ำยาทุก 15 นาที รวม3 ครั้ง เป็น 45 นาที 

- เมื่อฟอกฟันตามระยะเวลาเสร็จเรียบร้อย คุณหมอจะทำความสะอาดน้ำยา และวัสดุต่างๆ จากนั้นจะให้ทุกท่านดูสีฟันหลังการฟอกฟัน และให้คำแนะนำหลังการรักษา เช่น อาการเสียวฟันหลังทำ 1 วัน รวมไปถึงการรับประทานอาหาร อาหารที่ควรยกเว้น เช่น ชา กาแฟ อาหารสีเข้มต่างๆ การทำความสะอาดฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และการติดตามตามระยะทุก 6 เดือน


- ขั้นตอนสุดท้าย คุณหมอจะทาสารลดอาการเสียวฟัน ซึ่งเป็นสารลดอาการเสียวของเทคนิค ZOOM โดยเฉพาะด้วย ภายหลังการทาสารลดเสียว ควรงดการบ้วนน้ำ ทานอาหารหรือดื่มน้ำ ประมาณ 30 นาที

สุดท้ายนี้ บทความนี้ ทีมเดอะคราวน์หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจก่อนการเข้ารับการฟอกฟันได้อย่างมั่นใจ รู้จักเทคนิค ZOOM มากขึ้น และได้รับประสิทธิภาพของการฟอกฟันอย่างสูงสุด สำหรับท่านที่สนใจจะฟอกสีฟัน ZOOM กับทางเดอะคราวน์ สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้เลย เรามีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญให้การดูแลท่านด้วยความใส่ใจ พร้อมทั้งบุคลากรที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี เพื่อให้ท่านได้รับบริการที่ดีที่สุด 


จากภาพแสดงรูปเครื่อง White Speed LED ของเทคนิค ZOOM ตัวเครื่องสามารถปรับระดับของความเข้มแสงได้ถึง 3 ระดับ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำยาฟอกฟัน 


บทความโดย : คุณหมอกอล์ฟ เดอะคราวน์, โคราช




Comments
* The email will not be published on the website.